จดทะเบียนบริษัท.COM » ขายส่ง เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล?

Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]

ธุรกิจขายส่ง มีรายได้จากอะไรบ้าง

  1. การขายสินค้าส่งตรง (Direct Sales) การขายสินค้าโดยตรงจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายไปยังลูกค้าที่เป็นธุรกิจรายใหญ่โดยไม่ผ่านการซื้อผ่านร้านค้าระหว่างกลาง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการขายสินค้าส่งตรงในธุรกิจขายส่ง

  2. การซื้อสินค้าในปริมาณมาก (Bulk Purchases) การซื้อสินค้าในปริมาณมากจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายเพื่อขายต่อให้กับลูกค้าที่มีความต้องการในปริมาณมาก

  3. การขายสินค้าที่มีราคาต่ำ (Discount Sales) การขายสินค้าในราคาต่ำกว่าราคาปลีกหรือราคาที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ในร้านค้า

  4. การขายสินค้าแบบครบวงจร (Full-Service Sales) การขายสินค้าแบบครบวงจรซึ่งรวมถึงบริการในการจัดส่งสินค้า การจัดสินค้าในร้านค้า หรือบริการลูกค้าอื่น ๆ

  5. การส่งออกสินค้า (Exporting) การขายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจขายส่งสามารถเข้าถึงลูกค้าในท้องถิ่นและต่างประเทศ

  6. การขายสินค้าเฉพาะ (Specialty Sales) การขายสินค้าหรือวัสดุที่มีความเฉพาะเจาะจงหรือไม่พบในร้านค้าระดับปลีก

  7. การบริการส่งเอกสาร (Document Delivery Services) การให้บริการส่งเอกสารทางไปรษณีย์หรืออีเมลล์แก่ลูกค้าเพื่อความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้า

  8. การจัดส่งสินค้า (Logistics and Delivery Services) การจัดส่งสินค้าถึงที่หลาย ๆ แห่งในระหว่างทาง

  9. การให้คำปรึกษา (Consulting Services) การให้คำแนะนำและบริการที่เกี่ยวกับการจัดการสินค้าและการขายสินค้าในธุรกิจรายใหญ่

  10. การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) การใช้กิจกรรมและโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขายและดึงดูดลูกค้า

วิเคราะห์ Swot Analysis ธุรกิจขายส่ง

Strengths (จุดแข็ง)

  1. คลังสินค้าใหญ่ มีคลังสินค้าที่มากพอที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าในปริมาณมาก

  2. ความคล่องตัวในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า สามารถปรับเปลี่ยนการจัดส่งและบริการตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

  3. ระบบการจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ มีระบบที่ช่วยในการจัดการคลังสินค้าและวิเคราะห์สินค้าที่เหมาะสม

  4. ความรู้และความชำนาญในวงการ ความเชี่ยวชาญในวงการและการเข้าใจความต้องการของลูกค้า

  5. สมรรถนะในการควบคุมราคา สามารถต่อรองราคากับผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายให้ได้ราคาที่ดี

Weaknesses (จุดอ่อน)

  1. การค้าขายที่ขาดความหลากหลาย การขายสินค้าที่มีความหลากหลายน้อย อาจทำให้สูญเสียลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่ไม่มีในสต็อก

  2. ความขาดความพร้อมในเทคโนโลยี ความขาดความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีในการจัดการและติดตามคลังสินค้า

  3. ความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงในวงการ การเปลี่ยนแปลงในวงการที่เกี่ยวข้องอาจส่งผลให้สูญเสียลูกค้าหรือโอกาสในอนาคต

Opportunities (โอกาส)

  1. การขยายธุรกิจ โอกาสในการขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ใหม่หรือตลาดใหม่

  2. การเพิ่มสินค้าหรือบริการ โอกาสในการเพิ่มสินค้าหรือบริการใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

  3. การใช้เทคโนโลยีใหม่ โอกาสในการใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการธุรกิจ

Threats (ความเสี่ยง)

  1. การแข่งขันที่รุนแรง การมีการแข่งขันจากผู้อื่นในวงการอาจส่งผลให้ลูกค้าสละละเลยการซื้อสินค้า

  2. ความเสี่ยงในสายพานการจัดส่ง ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้า อาจส่งผลให้สินค้าถูกส่งช้าหรือเสียหาย

  3. ความขาดความมั่นคงในการซื้อสินค้า ความขาดความมั่นคงในการซื้อสินค้าจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายในประเทศหรือต่างประเทศ

อาชีพ ธุรกิจขายส่ง ใช้เงินลงทุนอะไร

  1. พื้นที่หรืออสังหาริมทรัพย์ คุณอาจต้องเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้เป็นคลังสินค้า สำหรับการจัดเก็บและจัดส่งสินค้า ค่าใช้จ่ายในการเช่าหรือซื้อจะขึ้นอยู่กับพื้นที่และที่ตั้ง

  2. คลังสินค้าและอุปกรณ์ทางธุรกิจ การจะเก็บสินค้าในคลังสินค้าจำเป็นต้องมีระบบชั้นวาง อุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ และเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อการจัดเก็บและบรรจุสินค้า

  3. รถขนส่ง หากคุณจัดส่งสินค้าเอง คุณอาจต้องลงทุนในรถขนส่ง เช่น รถบรรทุกหรือรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการจัดส่งสินค้า

  4. ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้า ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้าถึงลูกค้า รวมถึงค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าจ้างพนักงานส่งสินค้า และค่าบริการขนส่ง

  5. สินค้า คุณต้องมีเงินในการซื้อสินค้าหรือสินค้าที่คุณจะขายส่ง จำนวนเงินนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจของคุณ

  6. การตลาดและโฆษณา คุณอาจต้องลงทุนในการตลาดและโฆษณาเพื่อเพิ่มความรู้สึกและสร้างความต้องการให้กับสินค้าของคุณ

  7. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจประกอบด้วยค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าไฟฟ้า น้ำ และอื่น ๆ

  8. ทุนหมุนเวียน คุณอาจต้องมีทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจในระหว่างรอบการขาย และสำหรับการจัดส่งสินค้าก่อนที่คุณจะได้รับเงินจากลูกค้า

  9. ระบบบัญชีและซอฟต์แวร์ การจัดการบัญชีและการทำงานในธุรกิจขายส่งต้องใช้ระบบบัญชีและซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม

  10. ค่าใช้จ่ายในการรับรองและอนุญาต อย่าลืมค่าใช้จ่ายในการรับรองและอนุญาตที่อาจจำเป็นตามกฎหมายและข้อบังคับในพื้นที่ของคุณ

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจขายส่ง

  1. ผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายสินค้า ธุรกิจขายส่งส่วนใหญ่จะต้องซื้อสินค้าจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย และจะขายสินค้านั้นให้กับลูกค้ารายใหญ่หรือร้านค้าปลีก

  2. คลังสินค้าและโกดัง อาชีพในการจัดการคลังสินค้าและโกดัง เช่น ผู้จัดการคลังสินค้า พนักงานคลังสินค้า หรือพนักงานโกดัง เป็นตัวสำคัญในการจัดเก็บและจัดส่งสินค้า

  3. พนักงานขนส่ง การจัดส่งสินค้าต้องมีพนักงานขนส่งที่มีหน้าที่ในการนำสินค้าไปยังลูกค้าหรือร้านค้าปลีก

  4. การตลาดและโฆษณา การส่งเสริมการขายและโฆษณาสินค้าขายส่ง อาจต้องใช้บริการจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการตลาด

  5. การบัญชีและการเงิน การจัดการบัญชีและการเงินเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจขายส่ง เพื่อรับรู้ข้อมูลทางการเงินและสามารถวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม

  6. การบริการลูกค้า การให้บริการลูกค้าอย่างเหมาะสม เช่น การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการแก้ไขปัญหา

  7. สนับสนุนเทคนิค การให้บริการและสนับสนุนทางเทคนิคสำหรับสินค้าที่ขายส่ง เช่น การซ่อมบำรุงและการบริการหลังการขาย

  8. การอนุรักษ์สินค้า การทดสอบคุณภาพและการรักษาสินค้าให้มีคุณภาพและเหมาะสม

  9. ผู้จัดการธุรกิจขายส่ง การบริหารจัดการธุรกิจขายส่งโดยรวมต้องมีผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญในการเรียกความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจ

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจขายส่ง ที่ควรรู้

นี่คือ 10 คำศัพท์พื้นฐานเฉพาะบริษัทธุรกิจขายส่งที่ควรรู้

  1. คลังสินค้า (Warehouse)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) สถานที่ที่ใช้ในการจัดเก็บสินค้าและวัตถุดิบในปริมาณมาก เพื่อรองรับการจัดส่งและกระบวนการในธุรกิจขายส่ง
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) A facility used for the storage of goods and raw materials in large quantities to facilitate distribution and processes in the wholesale business
  2. ค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง (Shipping Costs)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) เงินที่ต้องจ่ายในกระบวนการจัดส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปยังลูกค้าหรือร้านค้าปลีก
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The money required for the process of delivering goods from the warehouse to customers or retailers
  3. ราคาขายส่ง (Wholesale Price)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) ราคาที่ธุรกิจขายส่งขายสินค้าแก่ลูกค้ารายใหญ่ โดยมักจะต่ำกว่าราคาปลีก
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The price at which wholesale businesses sell products to their large-scale customers, often at a lower rate than the retail price
  4. ราคาปลีก (Retail Price)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) ราคาที่ลูกค้าจ่ายเมื่อซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีก มักมีราคาสูงกว่าราคาขายส่ง
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The price that customers pay when purchasing products from retail stores, often at a higher rate than the wholesale price
  5. การบริหารคลังสินค้า (Inventory Management)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) กระบวนการในการควบคุมและจัดการคลังสินค้าให้มีความเพียงพอและมีประสิทธิภาพในการสนับสนุนกิจการ
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The process of controlling and managing inventory to ensure it is sufficient and efficient in supporting business operations
  6. ผู้ผลิต (Manufacturer)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) บริษัทหรือกิจการที่ผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) A company or business that produces goods or products
  7. ความต้องการของลูกค้า (Customer Demand)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) ปริมาณสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าต้องการซื้อในระหว่างเวลาที่กำหนด
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The quantity of goods or services that customers want to purchase during a specified period
  8. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ (Operating Expenses)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) รายจ่ายทั่วไปที่ต้องจ่ายในการดำเนินธุรกิจ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการจัดการคลังสินค้า และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) General expenses that must be paid to operate a business, such as employee salaries, warehouse management costs, and fuel expenses
  9. ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) ความสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างธุรกิจขายส่งกับลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการ
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The relationship and communication between a wholesale business and its customers to build satisfaction and trust in products and services
  10. การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion)

    • คำอธิบาย (ภาษาไทย) กิจกรรมหรือโครงการที่ใช้เพื่อสร้างความต้องการในการซื้อสินค้า อาจเป็นการลดราคา โปรโมชั่น หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่น ๆ
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) Activities or programs used to generate demand for the purchase of products, which may include price discounts, promotions, or other sales promotion activities

จดบริษัท ธุรกิจขายส่ง ทำอย่างไร

  1. เลือกประเภทของบริษัท ตั้งแต่เริ่มต้นคุณต้องเลือกประเภทของบริษัทที่เหมาะกับธุรกิจขายส่งของคุณ สำหรับธุรกิจขายส่ง คุณอาจเลือกจดบริษัทจัดตั้ง (Company Limited) หรือบริษัทจำกัดมหาชน (Public Limited Company) ตามที่เหมาะสม

  2. เลือกชื่อบริษัท คุณต้องเลือกชื่อบริษัทที่ไม่ซ้ำกับบริษัทอื่นและต้องเป็นชื่อที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ

  3. จัดเตรียมเอกสาร จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจดบริษัท เช่น บันทึกการประชุมผู้ก่อตั้ง สัญญาก่อตั้งบริษัท และเอกสารอื่น ๆ ตามกฎหมายประเทศที่คุณต้องการจดบริษัท

  4. นิติบุคคลและผู้บริหาร ต้องมีนิติบุคคลและผู้บริหารสำหรับบริษัท และต้องมีที่อยู่ตามที่กฎหมายกำหนด

  5. จดบริษัท นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นกับหน่วยงานที่รับผิดชอบการจดบริษัทในประเทศของคุณ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือหน่วยงานที่คล้ายกัน

  6. รอการอนุมัติและรับหมายเลขนิติบุคคล หลังจากยื่นเอกสารที่เรียบร้อย คุณจะต้องรอการอนุมัติและรับหมายเลขนิติบุคคลจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ

  7. ลงทะเบียนเงินทุนจดทะเบียน จดบริษัทจะต้องมีเงินทุนจดทะเบียนตามกฎหมาย คุณต้องลงทะเบียนเงินทุนนี้และทำการชำระเงินตามกฎหมาย

  8. สร้างทะเบียนภาษี บริษัทจะต้องสร้างทะเบียนภาษีและปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ๆ ตามที่กฎหมายระบุ

  9. ทำหน้าที่สำหรับบริษัท หลังจากจดบริษัทแล้ว คุณต้องปฏิบัติตามกฎหมายและบทบาทที่เกี่ยวข้องกับบริษัท รวมถึงการจัดการการเงินและบัญชีของบริษัท

  10. ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับอื่น ๆ คุณต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายส่ง และประเทศที่คุณจดบริษัท

บริษัท ธุรกิจขายส่ง เสียภาษีอะไร

  1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT – Value Added Tax) บริษัทธุรกิจขายส่งต้องเรียกเก็บและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นภาษีที่เพิ่มค่าลงไปเมื่อของถูกจำหน่าย

  2. ภาษีอัตราศูนย์ (Zero-Rated VAT) บางรายการสินค้าหรือบริการอาจถูกกำหนดอัตราศูนย์ในการเรียกเก็บ VAT ซึ่งหมายถึงบริษัทไม่ต้องจ่าย VAT แต่ยังต้องสร้างรายงานการซื้อขายและบันทึกการเรียกเก็บเพื่อนำส่งให้หน่วยงานภาษี

  3. ภาษีสรรพสามิต (Specific Business Tax) ภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับบางกลุ่มธุรกิจ เช่น การพนัน การผลิตและการขายยาเสพติด บริษัทที่มีธุรกิจเหล่านี้อาจต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต

  4. ภาษีรถยนต์ (Vehicle Tax) ถ้าบริษัทมีรถยนต์ในการดำเนินธุรกิจ เจ้าของรถอาจต้องจ่ายภาษีรถยนต์ตามกฎหมายท้องถิ่น

  5. ภาษีรางวัล (Withholding Tax) เป็นภาษีที่บริษัทต้องหักจากรายได้ของบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับรายได้จากบริษัท แล้วนำส่งให้กับหน่วยงานภาษี

  6. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax) บริษัทธุรกิจขายส่งอาจต้องจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะถ้ากำหนดในกฎหมายท้องถิ่น ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามสถานที่และประเภทของธุรกิจ

  7. ภาษีอื่น ๆ ยอดย่อยอื่น ๆ ของภาษีที่อาจต้องจ่ายขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่นที่บริษัทตั้งอยู่

อ่านบทความทั้งหมด >>> จดทะเบียนบริษัท.com

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.