จดทะเบียนบริษัท.COM » การตลาด เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล?

Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]

ธุรกิจการตลาด มีรายได้จากอะไรบ้าง

  1. ค่าบริการการตลาด รายได้ส่วนใหญ่ของธุรกิจการตลาดเกิดจากการให้บริการการตลาดแก่ลูกค้า ซึ่งอาจ包括 การวางแผนกลยุทธ์การตลาด, การวิจัยตลาด, การสร้างแบรนด์, การวางแผนโฆษณา, การจัดกิจกรรมโปรโมชั่น, และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขาย
  2. ค่าคอนเซปต์และการออกแบบ ธุรกิจการตลาดอาจได้รับรายได้จากการให้บริการออกแบบและพัฒนาคอนเซปต์การตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความต้องการของลูกค้า
  3. ค่าความคิดสร้างสรรค์ (Creative Fees) การสร้างแนวคิดและการแสดงออกทางสร้างสรรค์ เช่น การออกแบบโฆษณา, การสร้างเนื้อหาสื่อโฆษณา, และการสร้างสื่อต่าง ๆ สามารถนำไปสู่รายได้จากค่าความคิดสร้างสรรค์
  4. ค่าใช้จ่ายสื่อสิ่งพิมพ์และการกระจายข่าว ธุรกิจการตลาดอาจเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับการพิมพ์สื่อต่าง ๆ เช่น โบรชัวร์, แผ่นป้าย, และโฆษณาในสื่อต่าง ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการกระจายข่าวและการประชาสัมพันธ์
  5. ค่าคอนซัลและการจัดงานเอกสาร การจัดงานประชุม, สัมมนา, งานเปิดตัว, และเวทีที่เกี่ยวข้องกับการตลาด ส่วนใหญ่จะเกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการจัดหรือจัดทำงานเอกสาร
  6. ค่าใช้จ่ายสื่อออนไลน์ การ์ดแต่งงานในปัจจุบันมักมีการตลาดและโฆษณาออนไลน์ ธุรกิจการตลาดอาจเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการสร้างและดำเนินการโฆษณาออนไลน์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์, เว็บไซต์, และแพลตฟอร์มอื่น ๆ
  7. ค่าใช้จ่ายเทคโนโลยีและเครื่องมือ การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด, การติดตามผลการส่งเสริมการขาย, และการจัดการแคมเปญ
  8. ค่าใช้จ่ายการวิจัยตลาด การวิจัยตลาดเป็นส่วนสำคัญในการทราบความต้องการของตลาดและลูกค้า การใช้งบประมาณสำหรับการวิจัยเพื่อเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลตลาดสามารถเสริมรายได้ให้กับธุรกิจการตลาด
  9. ค่าใช้จ่ายการจ้างงานหรือค่าบริการนอกสถานที่ บางครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างงานบุคคลภายนอกหรือบริการนอกสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการตลาด เช่น การจ้างทีมผู้เชี่ยวชาญ
  10. รายได้จากค่าคอมมิชชั่น หากธุรกิจการตลาดมีความเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขายสินค้าหรือบริการอื่น ๆ คุณอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการจำหน่ายหรือการส่งเสริมสินค้าเหล่านั้นด้วย

วิเคราะห์ Swot Analysis ธุรกิจการตลาด

จุดแข็ง Strengths

  1. ความเชี่ยวชาญทางการตลาด บริษัทมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนและดำเนินการการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

  2. ความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยน สามารถปรับตัวตามแนวโน้มของตลาดและการเปลี่ยนแปลงในสภาวะทางธุรกิจได้เร็ว

  3. สินทรัพย์บุคคล มีทรัพย์สินบุคคลที่เป็นที่น่าสนใจ เช่น ฐานข้อมูลลูกค้าและคอนเทนท์ที่มีคุณค่า

  4. บริการลูกค้าที่มีคุณภาพ การให้บริการลูกค้าที่มีคุณภาพและเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความพึงพอใจสูง

จุดอ่อน Weaknesses

  1. ความขาดแคลนในทรัพยากรมนุษย์ บริษัทมีข้อจำกัดในการรับสมัครทีมงานคุณภาพที่มีความเชี่ยวชาญทางการตลาด

  2. ขาดงบประมาณสำหรับการตลาด การตลาดมีงบประมาณที่จำกัดทำให้บริษัทไม่สามารถนำเสนอแคมเปญทางการตลาดที่มีขอบเขตกว้างได้

  3. ความขาดแคลนในการวางแผนยาวไป บริษัทมีความล่าช้าในการวางแผนยาวไปและไม่มีกลยุทธ์การตลาดยาวนาน

โอกาส Opportunities

  1. การขยายตลาด มีโอกาสในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคหรือประเทศใหม่

  2. การใช้เทคโนโลยีใหม่ การใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเสริมสร้างการตลาดและสร้างความติดตามในสื่อสังคม

  3. ความต้องการในตลาด มีความต้องการในตลาดสำหรับการบริการการตลาดเพิ่มขึ้นเนื่องจากธุรกิจต่างๆ กำลังมองหาวิธีเพิ่มยอดขาย

อุปสรรค Threats

  1. คู่แข่งและการเข้ามาใหม่ คู่แข่งที่มีการตลาดมากขึ้นหรือผู้เข้าสู่ตลาดใหม่อาจสร้างความแข็งแกร่งและความเสี่ยง

  2. การเปลี่ยนแปลงในทางกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงในทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตลาดอาจมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ

  3. ภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน ภาวะตลาดที่ไม่แน่นอนที่มาจากสภาวะเศรษฐกิจหรือสถานการณ์โลกอาจทำให้มีความเสี่ยงในการลดยอดขาย

อาชีพ ธุรกิจการตลาด ใช้เงินลงทุนอะไร

  1. การวางแผนธุรกิจ การวางแผนธุรกิจเป็นขั้นตอนสำคัญที่คุณควรทำให้ดีที่สุด ซึ่งไม่ต้องใช้งบประมาณมาก คุณต้องกำหนดเป้าหมายของธุรกิจของคุณ กำหนดกลยุทธ์การตลาด รวมถึงทำการวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่งในกลุ่มธุรกิจของคุณ เป็นต้น
  2. การสร้างเว็บไซต์และออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง การสร้างเว็บไซต์และใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างการเผยแพร่และโปรโมทธุรกิจของคุณ นี่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมาก คุณสามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ฟรีหรือราคาถูกในการสร้างเว็บไซต์และโพสต์เนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์
  3. การโฆษณาและการตลาด คุณอาจต้องลงทุนในการโฆษณาและการตลาดเพื่อเพิ่มการรู้จักและการเข้าถึงลูกค้าเป็นอย่างมาก รูปแบบการโฆษณาที่คุณเลือกจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของคุณ แต่อาจรวมถึงโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย การค้าสินค้าออนไลน์ หรือการโฆษณาในสื่อมวลชนท้องถิ่น
  4. การพัฒนาสินค้าหรือบริการ หากธุรกิจของคุณเกี่ยวกับการขายสินค้าหรือบริการ คุณอาจต้องลงทุนในการพัฒนาและปรับปรุงสินค้าหรือบริการของคุณ เพื่อให้มีคุณค่าและเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า
  5. การสนับสนุนลูกค้า การบริการลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสร้างความพึงพอใจและความลงตัวในลูกค้า คุณอาจต้องลงทุนในการสนับสนุนลูกค้าในด้านบริการหลังการขาย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
  6. การจัดการการเงิน คุณต้องจัดการการเงินของธุรกิจของคุณอย่างรอบด้าน รวมถึงการวางแผนงบประมาณและการจัดการเงินสด การเงินที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจการตลาด

  1. การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ (Public Relations) การตลาดมักจะต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักและยกระดับความรู้สึกของลูกค้าต่อสินค้าหรือบริการของกิจการ อาชีพในสาขานี้รวมถึงนักประชาสัมพันธ์ (Public Relations Specialists) และนักการประชาสัมพันธ์ (Public Relations Managers) ที่ทำหน้าที่จัดการกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของบริษัทหรือองค์กร

  2. การสร้างเนื้อหา (Content Creation) เนื้อหามีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์และประสานกับกลุ่มเป้าหมาย อาชีพเชิงสื่อสารออนไลน์เช่น นักเขียนเนื้อหา (Content Writers) และผู้บริหารเนื้อหา (Content Managers) มีบทบาทในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณภาพสำหรับการตลาด

  3. การวิจัยตลาด (Market Research) การศึกษาตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญในการทราบความต้องการของตลาดและความคาดหวังของลูกค้า นักวิจัยตลาด (Market Researchers) จะช่วยในการสำรวจข้อมูลตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้บริษัทตัดสินใจและการวางแผนตลาดอย่างมีเหตุผล

  4. การโฆษณา (Advertising) การโฆษณาเป็นวิธีการสร้างความรู้สึกและยกระดับการรับรู้ของผลิตภัณฑ์หรือบริการ อาชีพในสาขานี้รวมถึงนักวิจัยการตลาด (Market Researchers) และนักโฆษณา (Advertising Executives) ที่มีส่วนร่วมในการวางแผนและสร้างกิจกรรมโฆษณา

  5. การจัดการแบรนด์ (Brand Management) การสร้างและบริหารจัดการแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความได้รับรู้และความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อแบรนด์ อาชีพในสาขานี้รวมถึงผู้บริหารแบรนด์ (Brand Managers) และนักพัฒนาแบรนด์ (Brand Developers) ที่รับผิดชอบในการสร้างและรักษาค่าแบรนด์

  6. การจัดการสื่อสารสังคม (Social Media Management) การใช้สื่อสังคมเพื่อสร้างความติดตามและประสานงานกับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัล นักจัดการสื่อสารสังคม (Social Media Managers) รับผิดชอบในการจัดการและบริหารสื่อสังคมของกิจการ

  7. การขายและการบริหารจัดการลูกค้า (Sales and Customer Relationship Management) การขายและบริหารจัดการลูกค้ามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า อาชีพที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales Managers) และผู้จัดการการบริหารจัดการลูกค้า (Customer Relationship Managers) ที่รับผิดชอบในการดูแลและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจการตลาด ที่ควรรู้

  1. บริษัท (Company)

    • คำอธิบาย: บริษัทคือองค์กรทางธุรกิจที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อให้บริการหรือผลิตสินค้าหรือบริการเพื่อรับกำไรหรือผลกำไร
  2. การตลาด (Marketing)

    • คำอธิบาย: การตลาดเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการติดต่อกับลูกค้าเพื่อสร้างความตระหนักรู้และสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท
  3. ตลาดเป้าหมาย (Target Market)

    • คำอธิบาย: กลุ่มของลูกค้าที่บริษัทเลือกเน้นและจะเป็นเป้าหมายในการตลาด ควรมีลักษณะเฉพาะและติดต่อได้ง่าย
  4. กลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy)

    • คำอธิบาย: แผนที่ใช้ในการสร้างและจัดการกับกิจกรรมการตลาดเพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จ
  5. การจัดการบริษัท (Business Management)

    • คำอธิบาย: กระบวนการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทั้งภายในและภายนอกบริษัท เพื่อประสบความสำเร็จในธุรกิจ
  6. การเงินและบัญชี (Finance and Accounting)

    • คำอธิบาย: การบริหารจัดการเงินและบัญชีของบริษัท เพื่อให้ทรัพยากรทางการเงินใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
  7. การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)

    • คำอธิบาย: กิจกรรมการตลาดที่ดำเนินการผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อเสริมสร้างการรับรู้และการขายสินค้าหรือบริการ
  8. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

    • คำอธิบาย: กระบวนการหรือกิจกรรมที่ใช้ในการรับรู้ วิเคราะห์ และจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงหรือป้องกันการเสียหาย
  9. การตลาดแบบศึกษา (Marketing Research)

    • คำอธิบาย: กระบวนการวิจัยเพื่อเข้าใจตลาด และใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การสำรวจความต้องการของลูกค้า และการวิเคราะห์การแข่งขัน
  10. พฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer Behavior)

    • คำอธิบาย: การศึกษาพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภคเพื่อเข้าใจเหตุผลและปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้อสินค้าหรือบริการ
 

จดบริษัท ธุรกิจการตลาด ทำอย่างไร

  1. เลือกประเภทของธุรกิจ ก่อนที่คุณจะจดบริษัท คุณควรเลือกประเภทของธุรกิจที่คุณต้องการจด โดยมีหลายประเภท เช่น บริษัทจำกัด, บริษัทห้างหุ้นส่วน, บริษัทมหาชน, หรือ บริษัทจดทะเบียนเพื่อจำหน่ายหุ้น

  2. เลือกชื่อบริษัท คุณต้องเลือกชื่อบริษัทที่ไม่ซ้ำกับบริษัทอื่น ๆ และเป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่น คุณสามารถตรวจสอบชื่อบริษัทที่มีอยู่แล้วได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือใช้บริการออนไลน์เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการจดชื่อบริษัท

  3. จัดทำเอกสาร จากนั้นคุณต้องจัดทำเอกสารที่จำเป็นสำหรับการจดบริษัท เช่น พิมพ์หนังสือรับรองการจดทะเบียน, บันทึกข้อความการประชุมผู้ถือหุ้น, และข้อมูลของผู้ถือหุ้นแต่ละคน

  4. เปิดบัญชีธุรกิจ คุณจำเป็นต้องเปิดบัญชีธุรกิจในธนาคารเพื่อใช้ในการรับเงิน, ชำระเงิน, และดำเนินธุรกิจทางการเงิน

  5. จดทะเบียนบริษัท คุณต้องยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทที่กรมพาณิชย์ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องการจดทะเบียนบริษัท และต้องชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนตามกฎหมาย

  6. ขึ้นทะเบียนทางภาษี คุณจะต้องขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านภาษี เพื่อให้บริษัทมีสิทธิ์ในการชำระภาษีและประเมินภาษีต่าง ๆ ตามกฎหมาย

  7. จัดทำเอกสารก่อตั้งบริษัท การจัดทำเอกสารก่อตั้งบริษัท เช่น ข้อบังคับบริษัท และสัญญาบริหารบริษัท

  8. เปิดบัญชีธุรกิจ คุณต้องเปิดบัญชีทางการเงินในธนาคารเพื่อใช้ในการรับเงิน, ชำระเงิน, และดำเนินธุรกิจทางการเงิน

  9. การตรวจสอบกฎหมาย คุณควรตรวจสอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการตลาด เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการค้า, ลิขสิทธิ์, และความเป็นส่วนตัว

บริษัท ธุรกิจการตลาด เสียภาษีอะไร

  1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax, VAT) ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่บริษัทต้องเสียต่อสินค้าหรือบริการที่ให้แก่ลูกค้า เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับรัฐ

  2. ภาษีหัวปี (Income Tax) ภาษีที่บริษัทต้องเสียตามกำไรของธุรกิจหรือรายได้ที่ได้รับ

  3. ภาษีหุ้น (Capital Gains Tax) ภาษีที่ต้องเสียเมื่อขายหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

  4. ภาษีบริการ (Service Tax) ภาษีที่ต้องเสียตามบริการที่ได้รับ

  5. ภาษีมูลค่าเพิ่มมูลค่าอากรม (Value Added Tax on Goods and Services, VAT) ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ และคุณสมบัติที่ถูกประมูล

  6. ภาษีหุ้น (Capital Stock Tax) ภาษีที่เสียต่อค่าหุ้นหรือมูลค่าทางการเงินของบริษัท

  7. ภาษีรถยนต์ (Vehicle Tax) ภาษีที่ต้องเสียสำหรับการใช้รถยนต์ในการดำเนินธุรกิจ

  8. ภาษีธุรกิจบุคคล (Corporate Income Tax) ภาษีที่ต้องเสียจากกำไรจากธุรกิจ

  9. ภาษีทรัพย์สิน (Property Tax) ภาษีที่ต้องเสียตามมูลค่าทรัพย์สินของบริษัท

  10. ภาษีอาคาร (Real Estate Tax) ภาษีที่ต้องเสียตามมูลค่าอาคารที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ

อ่านบทความทั้งหมด >>> จดทะเบียนบริษัท.com

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.