ของตกแต่งบ้าน เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล !

Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]

ธุรกิจของตกแต่งบ้าน มีรายได้จากอะไรบ้าง

  1. การขายสินค้าตกแต่งบ้าน (Sale of Home Decor Products) รายได้หลักของธุรกิจนี้มาจากการขายสินค้าตกแต่งบ้านเช่น เฟอร์นิเจอร์, ผ้าม่าน, สวนสวย, ตกแต่งห้อง, อุปกรณ์ในบ้าน เป็นต้น

  2. บริการออกแบบภายใน (Interior Design Services) บริการออกแบบภายในบ้านหรือสถานที่อื่น ๆ ที่ลูกค้าต้องการตกแต่ง รายได้มาจากค่าธรรมเนียมการออกแบบและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง

  3. การตกแต่งภายนอก (Exterior Decoration) การตกแต่งส่วนภายนอกของบ้านหรืออาคาร เช่น การจัดสวน, การตกแต่งหน้าบ้าน, หรือการตกแต่งพื้นที่กลางบ้าน สร้างรายได้เสริมสำหรับธุรกิจตกแต่งบ้าน

  4. บริการออกแบบหน้าร้านและสถานที่ธุรกิจ (Commercial Design Services) บริการออกแบบหน้าร้าน, ออกแบบภายในสถานที่ธุรกิจ เช่น ร้านค้า, ร้านอาหาร, โรงแรม, สปา, หรือสถานที่อื่น ๆ

  5. บริการซ่อมแซม (Remodeling Services) บริการซ่อมแซมหรือปรับปรุงส่วนภายในหรือภายนอกบ้านหรืออาคาร เพื่อตกแต่งหรือปรับปรุงรูปลักษณ์

  6. การจัดอีเว้นท์และงานแต่งงาน (Event and Wedding Decoration) การจัดอีเว้นท์พิเศษ เช่น งานแต่งงาน, งานเลี้ยง, หรืออีเว้นท์พิเศษอื่น ๆ โดยให้บริการการตกแต่งสถานที่

  7. การจัดจำหน่ายสินค้าออนไลน์ (Online Retailing) การขายสินค้าตกแต่งบ้านผ่านร้านค้าออนไลน์ รวมถึงการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อโปรโมทและขายสินค้า

  8. บริการคอนซัลแตนต์และการปรึกษา (Consultation and Consulting Services) บริการให้คำปรึกษาและความคิดเห็นในการตกแต่งบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ

  9. การสอนหรืออบรม (Teaching or Training) การสอนหรืออบรมเกี่ยวกับศิลปะและวิชาชีพในด้านตกแต่งบ้าน

  10. การจัดแสดงสินค้าและงานแสดงสินค้า (Exhibition and Trade Shows) การจัดแสดงสินค้าหรืองานแสดงสินค้าเพื่อโปรโมทและขายผลิตภัณฑ์หรือบริการในด้านตกแต่งบ้าน

  11. บริการส่งเสริมและการตลาด (Promotion and Marketing Services) บริการในการสร้างความรู้และการโปรโมทสินค้าหรือบริการในด้านตกแต่งบ้าน

  12. การให้บริการด้านการบริหารและโครงการ (Project Management Services) บริการในการบริหารโครงการตกแต่งบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้า

วิเคราะห์ Swot Analysis ธุรกิจของตกแต่งบ้าน

การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจและประเมินสภาพความแข็งแกร่งและความอ่อนแอของตนเองในสี่ด้านหลัก คือ Strengths (ความแข็งแกร่ง), Weaknesses (ความอ่อนแอ), Opportunities (โอกาส), และ Threats (อุปสรรค) ดังนั้น เราจะวิเคราะห์ SWOT ของธุรกิจตกแต่งบ้านดังนี้

ความแข็งแกร่ง (Strengths)

  1. ความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์และบริการ มีสินค้าตกแต่งบ้านคุณภาพสูงและบริการออกแบบที่มีความคุ้มค่าและนิยม

  2. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ทีมงานมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบภายในและการตกแต่งที่มีประสบการณ์

  3. พันธมิตรกับซัพพลายเออร์ ความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ช่วยในการจัดหาวัตถุดิบและสินค้าคุณภาพสูง

  4. การทำงานที่มีระบบ มีกระบวนการและระบบการทำงานที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ

ความอ่อนแอ (Weaknesses)

  1. ค่าใช้จ่ายสูง การผลิตสินค้าตกแต่งบ้านคุณภาพสูงอาจเกิดค่าใช้จ่ายสูงและส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น

  2. การตลาดและการโฆษณา บางครั้งอาจมีความยากลำบากในการสร้างความรู้และโปรโมทสินค้าในตลาด

  3. การแข่งขันที่เข้มงวด ตลาดตกแต่งบ้านมีการแข่งขันที่รุนแรงจากธุรกิจอื่น ๆ ที่มีความคุ้มค่าในสินค้าและบริการเดียวกัน

โอกาส (Opportunities)

  1. การเพิ่มขึ้นของตลาดตกแต่งบ้าน มีความต้องการเพิ่มขึ้นในการตกแต่งบ้านเนื่องจากคนมีความสนใจในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ในบ้าน

  2. การขยายตลาดออนไลน์ การขายสินค้าตกแต่งบ้านออนไลน์มีโอกาสในการเพิ่มกำไรและเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น

  3. ความร่วมมือกับสถานที่อื่น การเปิดร้านในพื้นที่ท่องเที่ยวหรือการร่วมมือกับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ

อุปสรรค (Threats)

  1. ความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์เศรษฐกิจอาจส่งผลให้คนลดการจ่ายในการตกแต่งบ้าน

  2. การแข่งขันจากคู่แข่ง มีคู่แข่งในตลาดที่มีสินค้าคุณภาพสูงและราคาแข่งขัน

  3. ความเปลี่ยนแปลงในสไตล์และแนวโน้ม ความเปลี่ยนแปลงในสไตล์และแนวโน้มในการตกแต่งบ้านอาจส่งผลให้คนสนใจสินค้าและบริการใหม่ ๆ

อาชีพ ธุรกิจของตกแต่งบ้าน ใช้เงินลงทุนอะไร

  1. การวางแผนธุรกิจ (Business Planning) การวางแผนธุรกิจเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยคุณระบุวัตถุประสงค์, กลยุทธ์การทำธุรกิจ, กลุ่มเป้าหมายของลูกค้า, และแผนการตลาด คุณอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการสร้างแผนธุรกิจที่สมเหตุสมผล

  2. การหาพื้นที่หรือร้านค้า (Location or Storefront) ถ้าคุณต้องการเปิดร้านค้าที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าโดยตรง คุณจะต้องหาสถานที่หรือร้านค้าที่เหมาะสม ซึ่งอาจต้องใช้เงินเพื่อเช่าหรือซื้อ

  3. ค่าใช้จ่ายในการระงับกิจการ (Operating Expenses) ค่าใช้จ่ายเช่น ค่าสินค้า, ค่าพนักงาน, ค่าเช่า, ค่าโฆษณา, ค่าจัดส่ง, ค่าบริการสื่อสาร, ค่าตรวจสอบ, และค่าใช้จ่ายทั่วไปในการดำเนินธุรกิจ

  4. สินค้าและวัตถุดิบ (Inventory and Supplies) คุณจะต้องลงทุนในการซื้อสินค้าและวัตถุดิบที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน เพื่อให้สามารถขายและให้บริการแก่ลูกค้า

  5. การตลาดและโฆษณา (Marketing and Advertising) เพื่อเริ่มต้นธุรกิจและดึงดูดลูกค้า คุณจะต้องลงทุนในการตลาดและโฆษณา เช่น การออกแบบโลโก้, การสร้างเว็บไซต์, การโฆษณาออนไลน์, และอื่น ๆ

  6. อุปกรณ์และเครื่องมือ (Equipment and Tools) หากคุณให้บริการการตกแต่งหรือการออกแบบภายใน คุณอาจต้องลงทุนในอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงาน

  7. การอบรมและความรู้ (Training and Knowledge) การสร้างความเชี่ยวชาญในด้านการตกแต่งบ้านอาจต้องการการอบรมและความรู้เพิ่มเติม ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่าย

  8. สำรองเงิน (Working Capital) คุณต้องมีสำรองเงินเพื่อใช้ในการจ่ายค่าใช้จ่ายรายวันและค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน

  9. การเลือกทางเลือกทางการเงิน (Financial Options) คุณอาจต้องพิจารณาเรื่องการเงินและทางเลือกทางการเงินที่มีอยู่ เช่น การขอสินเชื่อธุรกิจหรือการระดมทุน

  10. การประกันความเสี่ยง (Insurance) คุณอาจต้องลงทุนในการประกันความเสี่ยง เช่น ประกันภัยสินค้าหรือประกันความรับผิดชอบ

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจของตกแต่งบ้าน

ธุรกิจตกแต่งบ้านเกี่ยวข้องกับหลายอาชีพและสาขาอาชีพที่ส่งเสริมและรองรับกัน ดังนี้

  1. ออกแบบภายใน (Interior Design) นักออกแบบภายในเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนและออกแบบภายในบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ ให้สวยงามและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

  2. นักก่อสร้าง (Contractors) นักก่อสร้างรับเหมาก่อสร้างและปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ ตามแผนภายในที่ถูกออกแบบ

  3. ช่างไม้ (Carpenters) ช่างไม้มีหน้าที่ผลิตและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์และสิ่งตกแต่งที่ทำจากไม้

  4. ช่างทาสี (Painters) ช่างทาสีทำหน้าที่ทาสีผนังและพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีสีสันและลวดลายตามแผนภายใน

  5. นักสถาปัตยกรรม (Architects) นักสถาปัตยกรรมมีบทบาทในการออกแบบสถาปัตยกรรมของบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ และปรับปรุงโครงสร้างตามความต้องการของลูกค้า

  6. ช่างไฟฟ้า (Electricians) ช่างไฟฟ้าติดตั้งระบบไฟฟ้าและระบบสายโทรศัพท์ในสถานที่ต่าง ๆ ให้ทำงานอย่างถูกต้อง

  7. ช่างประปา (Plumbers) ช่างประปาติดตั้งระบบประปาและระบบน้ำร้อนในบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ

  8. ช่างแก๊ส (Gas Fitters) ช่างแก๊สทำงานกับระบบแก๊สในบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้มีการใช้งานที่ปลอดภัย

  9. นักสำรวจสถานที่ (Surveyors) นักสำรวจสถานที่มีหน้าที่วัดและระบุขอบเขตของสถานที่ที่จะตกแต่งหรือก่อสร้าง

  10. ร้านค้าขายสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Decor Stores) ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้าน ผ้าม่าน, เฟอร์นิเจอร์, ของตกแต่ง, สินค้าที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน, และวัตถุดิบอื่น ๆ

  11. ร้านขายวัสดุก่อสร้าง (Building Materials Stores) ร้านค้าที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ที่นักก่อสร้างและลูกค้าตกแต่งบ้านจำเป็นต้องใช้

  12. ร้านค้าขายเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับการตกแต่งบ้าน (Home Improvement Stores) ร้านค้าที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการปรับปรุงและตกแต่งบ้าน

    ธุรกิจตกแต่งบ้านเกี่ยวข้องกับหลายอาชีพและสาขาอาชีพที่ส่งเสริมและรองรับกัน ดังนี้

    1. ออกแบบภายใน (Interior Design) นักออกแบบภายในเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนและออกแบบภายในบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ ให้สวยงามและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

    2. นักก่อสร้าง (Contractors) นักก่อสร้างรับเหมาก่อสร้างและปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ ตามแผนภายในที่ถูกออกแบบ

    3. ช่างไม้ (Carpenters) ช่างไม้มีหน้าที่ผลิตและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์และสิ่งตกแต่งที่ทำจากไม้

    4. ช่างทาสี (Painters) ช่างทาสีทำหน้าที่ทาสีผนังและพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีสีสันและลวดลายตามแผนภายใน

    5. นักสถาปัตยกรรม (Architects) นักสถาปัตยกรรมมีบทบาทในการออกแบบสถาปัตยกรรมของบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ และปรับปรุงโครงสร้างตามความต้องการของลูกค้า

    6. ช่างไฟฟ้า (Electricians) ช่างไฟฟ้าติดตั้งระบบไฟฟ้าและระบบสายโทรศัพท์ในสถานที่ต่าง ๆ ให้ทำงานอย่างถูกต้อง

    7. ช่างประปา (Plumbers) ช่างประปาติดตั้งระบบประปาและระบบน้ำร้อนในบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ

    8. ช่างแก๊ส (Gas Fitters) ช่างแก๊สทำงานกับระบบแก๊สในบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้มีการใช้งานที่ปลอดภัย

    9. นักสำรวจสถานที่ (Surveyors) นักสำรวจสถานที่มีหน้าที่วัดและระบุขอบเขตของสถานที่ที่จะตกแต่งหรือก่อสร้าง

    10. ร้านค้าขายสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Decor Stores) ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้าน ผ้าม่าน, เฟอร์นิเจอร์, ของตกแต่ง, สินค้าที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน, และวัตถุดิบอื่น ๆ

    11. ร้านขายวัสดุก่อสร้าง (Building Materials Stores) ร้านค้าที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ที่นักก่อสร้างและลูกค้าตกแต่งบ้านจำเป็นต้องใช้

    12. ร้านค้าขายเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับการตกแต่งบ้าน (Home Improvement Stores) ร้านค้าที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการปรับปรุงและตกแต่งบ้าน

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจของตกแต่งบ้าน ที่ควรรู้

  1. ภายในบ้าน (Interior)

    • คำอธิบาย (ไทย) ส่วนในของบ้านหรือสถานที่ที่มีการตกแต่งเพื่อให้สวยงามและมีความสบาย
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The inside of a house or a space that is decorated to be attractive and comfortable
  2. เฟอร์นิเจอร์ (Furniture)

    • คำอธิบาย (ไทย) ของเครื่องและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) Items and furnishings used in a house or a space
  3. ออกแบบภายใน (Interior Design)

    • คำอธิบาย (ไทย) กระบวนการวางแผนและการออกแบบสถานที่ภายในให้มีลักษณะที่สวยงามและเหมาะสม
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The process of planning and designing the interior of a space to make it attractive and suitable
  4. สี (Color)

    • คำอธิบาย (ไทย) สิ่งที่มอบความลึกและลวดลายให้กับพื้นที่และวัตถุ
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) Something that gives depth and character to spaces and objects
  5. การปรับปรุง (Renovation)

    • คำอธิบาย (ไทย) กระบวนการการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงสถานที่หรือสิ่งก่อสร้าง
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The process of making changes or improvements to a space or a building
  6. สวนหน้าบ้าน (Front Yard)

    • คำอธิบาย (ไทย) พื้นที่ด้านหน้าของบ้านที่นิยมใช้ในการปลูกพืชหรือตกแต่ง
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The area in front of a house that is often used for planting and landscaping
  7. ซัพพลายเออร์ (Supplier)

    • คำอธิบาย (ไทย) บริษัทหรือบุคคลที่จัดหาสินค้าหรือวัตถุดิบสำหรับการผลิตหรือบริการ
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) A company or individual that provides goods or materials for production or services
  8. ร้านค้าขายสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Decor Store)

    • คำอธิบาย (ไทย) ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าและของตกแต่งบ้าน
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) A store that sells home decor products and items
  9. สไตล์ (Style)

    • คำอธิบาย (ไทย) ลักษณะหรือแนวทางการตกแต่งที่มีลักษณะเฉพาะ
    • คำอธิบาย (อังกฤษ) The distinctive characteristics or design approach of decoration
  10. แบบแผน (Blueprint)

    • คำอธิบาย (ไทย) แผนผังหรือรายละเอียดของโครงสร้างหรือการตกแต่งบ้าน

จดบริษัท ธุรกิจของตกแต่งบ้าน ทำอย่างไร

  1. วางแผนธุรกิจ (Business Planning)

    • กำหนดวัตถุประสงค์และธุรกิจหลักของคุณ
    • วางแผนกลยุทธ์ธุรกิจและกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ
  2. เลือกชื่อบริษัท (Choose a Company Name)

    • เลือกชื่อบริษัทที่ไม่ซ้ำกับบริษัทอื่นและเป็นไปตามกฎหมายของประเทศ
    • ตรวจสอบความพร้อมของชื่อบริษัทในทะเบียนการค้า
  3. ลงทะเบียนบริษัท (Register the Company)

    • ติดต่อหน่วยงานที่รับจดทะเบียนบริษัทในประเทศของคุณ (เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในประเทศไทย) เพื่อขอสิทธิ์ในการใช้ชื่อบริษัทและรับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
  4. เลือกโครงสร้างธุรกิจ (Choose a Business Structure)

    • กำหนดว่าบริษัทของคุณจะเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทส่วนหนึ่งหรือส่วนตัว
    • สร้างเอกสารสัญญาก่อนรับมือกับคำพิพากษาและการรับรองทางกฎหมายอื่น ๆ
  5. เปิดบัญชีธนาคารธุรกิจ (Open a Business Bank Account)

    • สร้างบัญชีธนาคารที่เป็นของบริษัทแยกจากบัญชีส่วนบุคคล
    • ปรับปรุงระบบการเงินและการบัญชีของธุรกิจ
  6. ขอใบอนุญาตและการรับรอง (Apply for Licenses and Certifications)

    • ตรวจสอบว่าคุณต้องการใบอนุญาตหรือการรับรองเฉพาะในธุรกิจตกแต่งบ้านของคุณ
    • ขอใบอนุญาตหรือการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  7. หาที่ตั้ง (Find a Location)

    • เลือกสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ เช่น ร้านค้าหรือสำนักงาน
  8. ปรับปรุงและตกแต่งสถานที่ (Renovate and Decorate the Space)

    • ตกแต่งและปรับปรุงสถานที่ตามที่คุณต้องการให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
  9. จัดหาอุปกรณ์และวัตถุดิบ (Acquire Equipment and Supplies)

    • หาและจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการตกแต่งบ้านและบริการของคุณ
  10. สร้างแผนการตลาด (Create a Marketing Plan)

    • วางแผนการตลาดเพื่อโปรโมทธุรกิจของคุณและดึงดูดลูกค้า
    • สร้างเว็บไซต์หรือใช้สื่อโฆษณาออนไลน์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตลาด

บริษัท ธุรกิจของตกแต่งบ้าน เสียภาษีอะไร

  1. ภาษีเงินได้บริษัท (Corporate Income Tax)

    • นี่คือภาษีที่บริษัทต้องเสียตามรายได้ที่ได้รับจากกิจการของตน
    • อัตราภาษีเงินได้บริษัทอาจแตกต่างกันตามกฎหมายและระเบียบของแต่ละประเทศ
  2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax, VAT)

    • ถ้าบริษัทของคุณจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่มีค่าเพิ่ม (VAT-able goods or services) และประเทศของคุณมีระบบ VAT คุณจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและส่งให้หน่วยงานภาษี
  3. ภาษีนิติบุคคล (Corporate Tax)

    • บางประเทศอาจมีภาษีนิติบุคคลที่เป็นเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากภาษีเงินได้บริษัท
  4. ภาษีท้องถิ่น (Local Taxes)

    • บางที่อาจมีภาษีท้องถิ่นที่ต้องเสียตามกฎหมายและระเบียบของพื้นที่ที่บริษัทตั้ง
  5. ภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (Property Tax)

    • ถ้าบริษัทครอบครองที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง เช่น สำนักงานหรือคลังสินค้า อาจต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
  6. ภาษีสาธารณูปโภค (Excise Tax)

    • ถ้าบริษัทผลิตหรือนำเข้าสินค้าที่มีการเสียภาษีสาธารณูปโภค เช่น สินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจต้องเสียภาษีสาธารณูปโภค
  7. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Special Business Tax)

    • บางประเทศอาจมีภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกลุ่มธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง เช่น การค้าส่งอัญมณีและเครื่องประดับ
  8. อื่น ๆ (Other Taxes)

    • อื่น ๆ ภาษีอาจรวมถึงภาษีต่าง ๆ ที่จำเป็นตามกฎหมายและระเบียบของประเทศที่คุณตั้งธุรกิจ

อ่านบทความทั้งหมด >>> จดทะเบียนบริษัท.com

กล้วยตาก เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล !

โครงงานกล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ วิธีทํา กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ 7-11 สินค้า otop กล้วยตาก กล้วยตากจิราพร กล้วยตากจิราพร ประวัติ กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ ไร่ทับทิมสยาม โรงงานกล้วยตาก ออนไลน์

ขายของออนไลน์ เปิดการค้า ที่ไหน คู่แข่ง รายได้ !

ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ วิธีขายของออนไลน์มือใหม่ เริ่ม ขายของออนไลน์ ไม่สต๊อกสินค้า เริ่มต้นขายของออนไลน์ pantip อยากขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี วิธีขายของออนไลน์ให้รวย แม่ค้าออนไลน์มือใหม่ อยากขายของออนไลน์ ขายอะไรดี

เติมเงิน เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล !

สมัครตัวแทนเติมเงินออนไลน์ ทุกระบบ ธุรกิจเติมเงินออนไลน์ wepay ธุรกิจเติมเงินออนไลน์ ด้วย มือ ถือ แอพเติมเงินออนไลน์ทุกเครือข่าย ธุรกิจเติมเงินออนไลน์ สมัครตัวแทนเติมเงิน ais ตัวแทน เติมเกม เติมเงิน คน ขาย AIS ออนไลน์

รับดูแลแฟนเพจเฟซบุ๊ก เปิดการค้า ที่ไหน คู่แข่ง รายได้ !

รับดูแลเพจ รายเดือน แพ็คเกจ ดูแลเพจ รับดูแลเพจ facebook ราคาถูก รับดูแลเพจครบวงจร รับดูแลเพจ ยิงแอด แอดมินดูแลเพจ เงินเดือน รับดูแลเพจ pantip รับสมัครแอดมินตอบลูกค้า

โรงเรียนสอนภาษา เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล !

แผนธุรกิจโรงเรียนสอนภาษา เปิดโรงเรียนสอนพิเศษ เล็กๆ เปิด โรงเรียน สอนภาษา เปิดโรงเรียนสอนพิเศษ ต้องทําอย่างไร จดทะเบียน โรงเรียน สอนภาษา เปิดสอนพิเศษ ไม่ จดทะเบียน จดทะเบียนโรงเรียนกวดวิชา เปิดโรงเรียนสอนภาษาไทย ออนไลน์

เครื่องสำอางค์ เปิดการค้า ที่ไหน คู่แข่ง รายได้ !

ทำแบรนด์ งบ 5,000 อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ ต้องมีเงิน เท่า ไหร่ ทำแบรนด์ ราคา หลักพัน สร้างแบรนด์ครีม ลงทุนเท่าไหร่ ผลิตแบรนด์ ตัว เอง สร้างแบรนด์ งบน้อย ทําแบรนด์เครื่องสําอาง pantip อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ครีม ทําไง

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top