จดทะเบียนบริษัท.COM » จัดงานแสดงสินค้า เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล?

Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]

ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า มีรายจากได้อะไรบ้าง

  1. ค่าจัดงาน รายได้หลักของธุรกิจจัดงานแสดงสินค้ามาจากค่าจัดงานที่ผู้ร่วมงานจ่ายในการเข้าร่วมแสดงสินค้า ค่าจัดงานสามารถคิดตามราคาตามพื้นที่จัดงานหรือตามการจัดระบบต่าง ๆ เช่น บูธจัดงาน, พื้นที่จัดงาน, การโฆษณา, การบริการอื่น ๆ

  2. ค่าจ้างบริการเสริม บริษัทจัดงานแสดงสินค้าอาจเสริมรายได้ด้วยการให้บริการเสริม เช่น บริการบูธสร้างบุญ, การออกแบบและตกแต่งบูธ, บริการโฆษณา, บริการการติดตั้ง, บริการทะเลาะเสียง, บริการการสื่อสาร, บริการเฟอร์นิเจอร์, บริการอุปกรณ์เสริม, บริการโชว์สินค้า, และอื่น ๆ

  3. ค่ารับจ้างออกแบบและตกแต่ง หากบริษัทมีทีมงานออกแบบและตกแต่งบูธและพื้นที่จัดงาน รายได้จะมาจากค่าบริการออกแบบและตกแต่ง

  4. ค่าส่งเสริมและโฆษณา รายได้ที่มาจากค่าโฆษณาในงานแสดงสินค้า อาจมาจากการขายพื้นที่โฆษณาบนแผ่นป้าย, โฆษณาในโบว์ทและสื่ออื่น ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน

  5. ค่าที่พัก หากงานแสดงสินค้าเป็นงานระยะยาวหรือมีผู้ร่วมงานจากต่างประเทศ, บริษัทจัดงานอาจรายได้จากค่าที่พักที่จอดรถ, การจองโรงแรม, การจัดระบบรถรับส่ง, และการบรรจุสินค้า

  6. รายได้จากค่าบัตรเข้าชม บริษัทจัดงานสามารถรายได้จากค่าบัตรเข้าชมที่ผู้ร่วมงานจ่ายเมื่อเข้าชมงาน

  7. ค่าบริการอื่น ๆ รายได้อาจมาจากค่าบริการอื่น ๆ เช่น การจ้างบริการหน่วยงานสื่อสาร, บริการความปลอดภัย, บริการทางเทคโนโลยี, บริการเครื่องดื่มและอาหาร, บริการที่จอดรถ, และอื่น ๆ

  8. รายได้จากการขายสินค้า บริษัทจัดงานแสดงสินค้าอาจมีรายได้จากการขายสินค้าในงาน นี้มีความเหมือนกับการจัดงานแสดงสินค้าและร้านค้า

  9. บริการรับจ้างอื่น ๆ บางบริษัทอาจเสริมรายได้ด้วยการให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน นี้อาจมีการจัดสัมมนาหรือประชุม, การจัดงานแสดงเทคโนโลยีหรือการบรรจุพวกบริษัทเพื่อแนะนำสินค้าและบริการ

  10. การขายสินค้าและบริการหลังงาน รายได้อาจมาจากการขายสินค้าและบริการที่ไม่ได้ขายในงาน ในบางกรณี, บริษัทอาจมีร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับงานเพื่อขายสินค้าและบริการ

วิเคราะห์ Swot Analysis ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า

ความแข็งแกร่ง (Strengths)

  1. ความเชี่ยวชาญ บริษัทมีทีมงานและความเชี่ยวชาญในการจัดงานแสดงสินค้าที่เป็นมืออาชีพ
  2. ความสามารถในการบริการเสริม บริษัทมีความสามารถในการให้บริการเสริมที่ครอบคลุมทุกรายละเอียด เช่น การออกแบบบูธ, บริการโฆษณา, การจัดการบูธ, การเสริมบูธ, และการบริการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ร่วมงาน

จุดอ่อน (Weaknesses)

  1. ความขึ้นอยู่ต่อความเครียดของตลาด ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้ามักขึ้นอยู่กับความเครียดของตลาด ถ้าตลาดไม่ดี, รายได้จะลดลง
  2. ความพร้อมใช้งานในช่วงเวลาที่กำหนด บริษัทจัดงานแสดงสินค้าจำเป็นต้องปฏิบัติงานในเวลาที่กำหนด และถ้ามีความล่าช้าหรือปัญหาในการจัดการงานในระยะเวลาที่กำหนด, อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของลูกค้า

โอกาส (Opportunities)

  1. การขยายธุรกิจ ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าสามารถขยายธุรกิจไปยังการจัดงานสินค้าที่ใหญ่ขึ้นหรือการจัดงานในระดับนานาชาติ
  2. การนำเสนอบริการเสริมใหม่ โอกาสในการพัฒนาบริการเสริมใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าเพิ่มเติม เช่น บริการออกแบบบูธสร้างบุญที่น่าสนใจ

อุปสรรค (Threats)

  1. การแข่งขันรุนแรง ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้ามีการแข่งขันรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ราคาตกต่ำและกำไรลดลง
  2. การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอาจทำให้วิธีการจัดงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้บริษัทต้องลงทุนในเทคโนโลยีใหม่

อาชีพ ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า ใช้เงินลงทุนอะไร

  1. พื้นที่สำหรับงาน การเริ่มต้นธุรกิจจัดงานแสดงสินค้ามักต้องมีพื้นที่สำหรับจัดงาน เช่น ศูนย์แสดงสินค้าหรือหอแสดงสินค้า ค่าใช้จ่ายในการเช่าหรือซื้อพื้นที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และจะขึ้นอยู่กับพื้นที่และทำเลที่คุณเลือก

  2. การตกแต่งพื้นที่ คุณอาจต้องลงทุนในการตกแต่งพื้นที่เพื่อทำให้มันเหมาะสมสำหรับงานแสดงสินค้า เช่น การสร้างบูธ การตกแต่งตู้เสื้อผ้า หรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นที่เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

  3. อุปกรณ์และเครื่องมือ คุณอาจต้องลงทุนในอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการจัดงาน อาจรวมถึงหน้าจอ LED, ระบบเสียง, โต๊ะ, เก้าอี้, และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ในการจัดงาน

  4. การตรวจสอบและควบคุม การจัดงานแสดงสินค้าต้องมีการควบคุมและตรวจสอบในระหว่างงาน นี้อาจจำเป็นต้องลงทุนในระบบควบคุมเข้าถึงงานแสดงสินค้า ระบบการจัดเก็บสินค้า, หรือระบบควบคุมอื่น ๆ

  5. การจัดการงาน การจัดงานแสดงสินค้าต้องมีการจัดการงานที่ดี นี้อาจรวมถึงค่าจ้างทีมงาน, ค่าใช้จ่ายในการจัดทำบูธ, ค่าใช้จ่ายในการประชุม, ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา, และอื่น ๆ

  6. การโฆษณาและการตลาด คุณอาจต้องลงทุนในการโฆษณาและการตลาดเพื่อเพิ่มความรู้สึกให้กับลูกค้าเกี่ยวกับงานแสดงสินค้าของคุณ

  7. ค่าใช้จ่ายในการที่จะรับข้อมูลเข้าถึงงาน คุณอาจต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการที่จะให้ผู้เข้าร่วมงานเข้าถึงงาน ซึ่งอาจรวมถึงค่าบัตรเข้างานและค่าบริการอื่น ๆ

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า

  1. การจัดการงานแสดงสินค้า การจัดงานแสดงสินค้าต้องการความเชี่ยวชาญในการจัดการงาน, การควบคุมการตรวจสอบ, การวางแผนงาน, การจัดการบุธ, และการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน

  2. ออกแบบและการตกแต่ง การตกแต่งพื้นที่และบูธของงานแสดงสินค้าต้องการความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญในด้านออกแบบและตกแต่ง

  3. การโฆษณาและการตลาด การโฆษณาและการตลาดเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า นี้อาจรวมถึงการสร้างแบรนด์, การจัดโปรโมชั่น, การใช้สื่อสิ่งพิมพ์และการสื่อสารอื่น ๆ เพื่อโฆษณางาน

  4. การสื่อสารและรีเลชั่น การสื่อสารกับลูกค้า, ผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า, และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ ธุรกิจนี้ต้องมีความคุ้นเคยในการสื่อสารและรีเลชั่นเพื่อสร้างความพึงพอใจของลูกค้า

  5. การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ การควบคุมความสัมพันธ์ดีๆ กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อถือและความพึงพอใจ

  6. การควบคุมเรื่องการเงินและบัญชี การควบคุมการเงินและบัญชีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริหารค่าใช้จ่าย, การจัดการงบประมาณ, และการสรุปบัญชี

  7. การเจรจาและการสรรหา การค้นหาและเจรจากับผู้จัดงานสินค้าและผู้สนับสนุนเพื่อให้ได้รับข้อเสนอที่ดีสำหรับงาน

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า ที่ควรรู้

  1. บูธ (Booth) พื้นที่หรือพื้นที่แสดงสินค้าที่ร้านค้าหรือบริษัทนำสินค้าของพวกเขามาแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นและทดลองผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

  2. สเปนเซอร์ (Exhibitor) บริษัทหรือบุคคลที่มีบูธหรือพื้นที่ในงานแสดงสินค้าเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขา

  3. การส่งเสริม (Promotion) กิจกรรมหรือวิธีในการโฆษณาและส่งเสริมสินค้าหรือบริการ เพื่อดึงดูดลูกค้า

  4. การจัดทำบูธ (Booth Design) การออกแบบและตกแต่งพื้นที่บูธให้สวยงามและเน้นความสื่อสารกับลูกค้า

  5. บริการการจัดงาน (Event Management) กระบวนการการวางแผนและดำเนินงานในงานแสดงสินค้า เพื่อให้งานเป็นเรื่องราวเรียนราศรี

  6. การตลาดแบบศูนย์กลาง (Trade Show) งานแสดงสินค้าที่เปิดให้ธุรกิจและบุคคลสามารถเข้าชมและเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมเฉพาะ

  7. รีเลชั่นลูกค้า (Customer Retention) กิจกรรมที่เน้นการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าที่มีอยู่และสร้างความเชื่อถือเพื่อให้ลูกค้าเดิมกลับมาอีกครั้ง

  8. การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) กิจกรรมการสื่อสารที่เน้นการสร้างภาพลักษณ์บวกของบริษัทหรือสินค้าในสาธารณชน

  9. การค้างชำระ (Lead Generation) กระบวนการหาลูกค้าโดยการเก็บข้อมูลจากผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อติดต่อและสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ

  10. การออกแบบกราฟิก (Graphic Design) กระบวนการสร้างภาพถ่าย, ภาพประกอบ, แผนผัง, และสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ที่ใช้ในงานแสดงสินค้าเพื่อสื่อสารข้อมูลและสร้างความสวยงามให้กับบูธและสื่อสารและประชาสัมพันธ์

จดบริษัท ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า ทำอย่างไร

  1. วางแผนธุรกิจ ก่อนที่คุณจะจดบริษัท, คุณควรทำการวางแผนธุรกิจให้มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน รวมถึงการกำหนดวัตถุประสงค์และการกำหนดค่าใช้จ่ายเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ

  2. การค้นหาชื่อบริษัท คุณจะต้องเลือกชื่อสำหรับบริษัทของคุณ แต่ชื่อนี้ต้องไม่ซ้ำกับบริษัทอื่นในประเทศของคุณและต้องปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นเกี่ยวกับการลงทะเบียนชื่อบริษัท

  3. สร้างเอกสารบริษัท คุณจะต้องจัดเอกสารบริษัทเช่น พระราชบัญญัติบริษัท, ข้อกำหนดของบริษัท, แผนธุรกิจ, และเอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น

  4. จดบริษัท คุณจะต้องยื่นเอกสารและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการจดบริษัทที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ (เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในประเทศ) ในประเทศของคุณ

  5. การรับรายใหม่ หลังจากจดบริษัท, คุณจะต้องรับรายใหม่ที่อยู่สำหรับบริษัทของคุณ

  6. เปิดบัญชีธนาคาร คุณจะต้องเปิดบัญชีธนาคารให้กับบริษัทของคุณเพื่อดำเนินธุรกิจ

  7. ปฏิบัติตามกฎหมาย ตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดท้องถิ่นเกี่ยวกับธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าและปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

  8. สร้างนโยบายและกระบวนการ สร้างนโยบายและกระบวนการสำหรับบริษัทของคุณเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

  9. สร้างทีม รับบุคคลที่มีความรู้และความสามารถในการจัดงานแสดงสินค้า เพื่อช่วยในการดำเนินธุรกิจ

  10. โฆษณาและการตลาด สร้างแผนการตลาดเพื่อสร้างความรู้เกี่ยวกับงานแสดงสินค้าของคุณและดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน

  11. ดำเนินธุรกิจ เมื่อทุกอย่างพร้อม, คุณสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจของคุณในการจัดงานแสดงสินค้า

  12. การรายงานและบัญชี คุณต้องทำการบัญชีและรายงานการเงินของบริษัทตามกฎหมายท้องถิ่น

  13. ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ติดต่อกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดงานแสดงสินค้าเพื่อปรึกษาและรับข้อมูลเพิ่มเติมที่จำเป็น

  14. พัฒนาธุรกิจ พัฒนาธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อความเจริญรุ่งเรือง

บริษัท ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า เสียภาษีอะไร

  1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคในกระบวนการซื้อขายสินค้าและบริการ บริษัทที่จัดงานแสดงสินค้าอาจต้องเสีย VAT ในกรณีที่มีการขายบัตรเข้างานหรือบริการอื่น ๆ

  2. ภาษีบริษัท บริษัทจะต้องเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมายท้องถิ่น โดยอัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับระดับรายได้ของบริษัท

  3. ภาษีอากร บริษัทอาจต้องเสียภาษีอากรเมื่อมีการขายสินค้าหรือบริการในงานแสดงสินค้า

  4. อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม, ภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าขึ้นอยู่กับกฎหมายและข้อกำหนดในประเทศของคุณ คุณควรปรึกษากับนักบริหารและนักบัญชีเพื่อตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น

อ่านบทความทั้งหมด >>> จดทะเบียนบริษัท.com

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.