ธุรกิจการโรงแรม มีรายได้จากอะไรบ้าง
-
การเช่าห้องพัก (Room Rental) รายได้หลักของโรงแรมมาจากการให้บริการเช่าห้องพักให้แก่ผู้เข้าพัก ราคาห้องพักจะแตกต่างกันตามประเภทของห้อง ขนาด สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ตั้งของโรงแรม
-
ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) ร้านอาหารในโรงแรมเป็นแหล่งรายได้สำคัญ เมื่อผู้เข้าพักบริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหารภายในโรงแรม
-
การประชุมและจัดงาน (Meetings and Events) รายได้มาจากการให้บริการการประชุม สัมมนา งานเลี้ยง และกิจกรรมอื่น ๆ ในพื้นที่จัดงานภายในโรงแรม
-
บริการสปาและสุขภาพ (Spa and Wellness Services) บางโรงแรมมีสปาและสิ่งอำนวยความสบายเสริม เช่น บริการสปา, อ่างจากุชชี่, สระว่ายน้ำ ซึ่งสามารถเพิ่มรายได้ได้
-
บริการท่องเที่ยวและกิจกรรม (Tourism and Activities) บางโรงแรมมีการจัดระเบียบท่องเที่ยวและกิจกรรมให้แก่ผู้เข้าพัก เช่น การออกทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
-
บริการโรงภาพยนตร์ (Cinema Services) บางโรงแรมมีโรงภาพยนตร์ให้บริการแก่ผู้เข้าพัก
-
บริการเดินทางและรถรับส่ง (Transportation and Shuttle Services) บางโรงแรมมีบริการรถรับส่งผู้เข้าพักไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหรือสนามบิน
-
บริการธุรกิจ (Business Services) บางโรงแรมมีบริการธุรกิจเช่น ห้องประชุม อินเทอร์เน็ตไร้สาย และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักธุรกิจ
-
บริการซักรีดและทำความสะอาด (Laundry and Cleaning Services) บางโรงแรมมีบริการซักรีดและทำความสะอาดสำหรับผู้เข้าพัก
-
รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ (Rentals and Leasing) บางโรงแรมอาจมีการเช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าหรือบริการอื่น ๆ เช่น ร้านขายของที่ระลึก
วิเคราะห์ Swot Analysis ธุรกิจการโรงแรม
-
จุดแข็ง Strengths
- พื้นที่และทำเลที่ดี โรงแรมที่อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์การเข้าพักของลูกค้า มีโอกาสสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้น
- สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน บริการที่มีคุณภาพเช่น สระว่ายน้ำ, สปา, ร้านอาหาร และห้องประชุมทำให้โรงแรมเป็นที่เลือกของลูกค้าที่ต้องการการพักผ่อนและการทำงาน
- ความเชื่อถือและชื่อเสียง โรงแรมที่มีความเชื่อถือและชื่อเสียงที่ดีจะมีการกลับมาใช้บริการอีกครั้ง และแนะนำให้เพื่อนและคนรู้จัก
- ทีมงานคุณภาพ บุคลากรที่มีความสามารถและมีความรู้ในการให้บริการแก่ลูกค้า เช่น พนักงานต้อนรับ, พนักงานบริการอาหาร และบุคลากรทำความสะอาด
-
จุดอ่อน Weaknesses
- ความขาดแคลนในการบริการ บางครั้งอาจมีปัญหาในการจัดการและให้บริการให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
- ความเสียหายจากค่าบำรุงรักษา ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมอาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
- การจัดการที่ไม่ดี การบริหารจัดการที่ไม่มีการวางแผนที่เหมาะสมอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
-
โอกาส Opportunities
- การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสถานที่ในพื้นที่สามารถเพิ่มอัตราการเข้าพักในโรงแรม
- พัฒนาบริการเพิ่มเติม การเพิ่มบริการเช่น สปา, ห้องออกกำลังกาย, หรือโรงภาพยนตร์ส่วนตัวเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้า
- การให้บริการกลุ่มเป้าหมาย การเน้นให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เช่น กลุ่มประชาคมธุรกิจ หรือครอบครัว
-
อุปสรรค Threats
- คู่แข่งและการแข่งขัน คู่แข่งอื่น ๆ ที่มีคุณลักษณะที่คล้ายคลึงหรือการขายราคาที่ดีกว่าอาจทำให้ลูกค้าเลือกไปใช้บริการที่ทางอื่น
- ความเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ หรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอาจส่งผลให้ลูกค้าลดการเดินทาง
- ปัญหาทางกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมอาจมีผลต่อการดำเนินกิจการ
อาชีพ ธุรกิจการโรงแรม ใช้เงินลงทุนอะไร
-
ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง การซื้อหรือเช่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างสำหรับโรงแรม ที่ตั้งและขนาดของโรงแรมจะมีผลต่อค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
-
ต้นทุนก่อสร้างและตกแต่ง ต้นทุนสำหรับการสร้างโรงแรมและตกแต่งภายใน เช่น ห้องพัก, ห้องอาหาร, สระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, โลบบี้ ฯลฯ
-
อุปกรณ์และเครื่องมือ อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ เช่น เตียงนอน, เครื่องทำกาแฟ, แอร์, โทรทัศน์, อินเทอร์เน็ต ฯลฯ
-
การตลาดและโฆษณา ค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณา, การตลาด, การสร้างแบรนด์และเว็บไซต์ เพื่อให้คนรู้จักและมาใช้บริการในโรงแรมของคุณ
-
การจัดกิจกรรมและบริการ ต้นทุนสำหรับการให้บริการเสริม เช่น สปา, การจัดงานที่ต้องใช้พื้นที่ในโรงแรม, หรือการเปิดร้านอาหาร
-
ค่าใช้จ่ายในการจัดการ ค่าใช้จ่ายในการจ้างงานบุคลากร, ค่าใช้จ่ายในการดูแลทั้งระบบการทำงานและการบริการ, ค่าใช้จ่ายในการจัดการสำหรับแผนการเติบโต
-
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ค่าใช้จ่ายประจำวันสำหรับพนักงาน, ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า, ค่าแจ้งเตือนและเครื่องทำความเย็น, และค่าส่วนกลาง
-
ค่าสำหรับบริการอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสะอาด, ค่าหมองานก่อสร้าง, ค่าบริการโรงแรมจากบริษัทนอกราชอาณาจักร เช่น การจัดการระบบการจองห้องพักออนไลน์
อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจการโรงแรม
-
ผู้บริหารโรงแรม ผู้บริหารโรงแรมคือคนที่อยู่เบื้องหลังการดำเนินธุรกิจโรงแรม พวกเขามีหน้าที่ในการกำหนดกลยุทธ์, การวางแผน, การบริหารจัดการ, การตลาด, และการดูแลธุรกิจทั้งหมด
-
ผู้จัดการที่พัก ผู้จัดการที่พัก (Front Office Manager) มีหน้าที่รับรู้และบริการลูกค้าที่มาเข้าพัก จัดการการเช็คอิน-เช็คเอาท์, จัดการการจองห้องพัก, และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม
-
พนักงานบริการอาหาร พนักงานในร้านอาหารของโรงแรมมีหน้าที่ในการบริการลูกค้าในร้านอาหาร อาทิ พนักงานเสิร์ฟอาหาร, พนักงานผู้ช่วย, และพนักงานบาร์
-
บริกรห้อง บริกรห้อง (Housekeeping Staff) มีหน้าที่ในการทำความสะอาดและรักษาความเรียบร้อยของห้องพักและส่วนกลางของโรงแรม
-
พนักงานสปาและสุขภาพ โรงแรมที่มีบริการสปาและสุขภาพจะมีพนักงานที่คอยให้บริการดูแลผู้เข้าพักในด้านสุขภาพและความผ่อนคลาย
-
ผู้จัดการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ผู้จัดการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage Manager) มีหน้าที่ในการจัดการและดูแลการดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายในโรงแรม
-
พนักงานที่ปรึกษาด้านการตลาดและการโฆษณา พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในการตลาดและโฆษณาจะช่วยในการกำหนดกลยุทธ์การตลาดและการโปรโมตโรงแรม
-
ช่างไฟฟ้าและช่างประปา ช่างที่มีความรู้ด้านไฟฟ้าและประปามีบทบาทในการดูแลและซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าและประปาภายในโรงแรม
-
บุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีหน้าที่ในการดูแลและรับผิดชอบในระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายในโรงแรม
คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจการโรงแรม ที่ควรรู้
-
Check-in (เช็คอิน) กระบวนการลงทะเบียนลูกค้าที่มาเข้าพักในโรงแรม โดยทำการบันทึกข้อมูลและให้ห้องพักให้ลูกค้า
-
Check-out (เช็คเอาท์) กระบวนการลูกค้าออกจากโรงแรมหลังจากการเข้าพัก รวมถึงการตรวจสอบค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ถ้ามี) และการชำระเงิน
-
Room Service (รูมเซอร์วิส) บริการให้อาหารและเครื่องดื่มถึงห้องพักของลูกค้า
-
Housekeeping (เฮาส์คีปิ้ง) ฝ่ายที่รับผิดชอบในการทำความสะอาดและบำรุงรักษาความเรียบร้อยของห้องพักและส่วนกลางในโรงแรม
-
Concierge (คอนเซียร์จ) บริการให้คำแนะนำและจัดการแผนการท่องเที่ยวสำหรับลูกค้า รวมถึงการจองที่นั่งในร้านอาหารและกิจกรรมต่าง ๆ
-
Front Desk (เฟรนท์เดสก์) จุดที่ลูกค้ามาติดต่อรับบริการ เช่น การเช็คอินและเช็คเอาท์ และสอบถามข้อมูล
-
Reservation (รีเซอร์เวชั่น) การจองห้องพักล่วงหน้าโดยลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีห้องพักที่พร้อมให้บริการ
-
Suite (สวีท) ห้องพักที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องพักปกติ และมักมีพื้นที่ในการพักแยกกันเป็นส่วน
-
Amenities (เอเมนิตี้ส์) สิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้ในโรงแรม เช่น ผ้าเช็ดตัว, สบู่, แปรงสีฟัน เป็นต้น
-
Room Rate (รูมเรท) ค่าบริการในการเช่าห้องพักในโรงแรม ซึ่งอาจแตกต่างกันตามประเภทห้อง สถานที่, และเวลา
จดบริษัท ธุรกิจการโรงแรม ทำอย่างไร
-
เลือกประเภทของบริษัท คุณต้องเลือกประเภทของบริษัทที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจการโรงแรมของคุณ เช่น บริษัทจำกัด, บริษัทมหาชน, หรือบริษัทจำกัดที่มีผู้ถือหุ้นน้อย
-
เลือกชื่อบริษัท คุณต้องเลือกชื่อบริษัทที่ยังไม่ถูกใช้และเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
-
จัดเตรียมเอกสาร คุณจะต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ รวมถึงเอกสารสำหรับผู้ถือหุ้น, ผู้บริหาร, ที่อยู่ที่ตั้งสำนักงาน, แผนธุรกิจ, และข้อมูลอื่น ๆ
-
จดทะเบียนบริษัท ส่งเอกสารให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและรับใบจดทะเบียนบริษัท พร้อมทั้งจ่ายค่าธรรมเนียม
-
ขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หลังจากที่ได้รับใบจดทะเบียนบริษัทแล้ว คุณต้องไปขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจากสำนักงานสรรพากร
-
ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หากธุรกิจการโรงแรมของคุณเป็นประเภทที่ต้องขอใบอนุญาตเช่น บริการโรงแรมหรือบริการอาหารและเครื่องดื่ม คุณต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการท่องเที่ยวและกีฬา หรือ สำนักงานประกันสุขภาพ
-
จัดทำสถิติจดทะเบียน คุณจะต้องจัดทำสถิติจดทะเบียนของบริษัท และแจ้งสถิติให้กับเจ้าหน้าที่ทะเบียนการค้าและกิจการ
-
เปิดบัญชีธนาคาร คุณควรเปิดบัญชีธนาคารสำหรับบริษัทเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน
บริษัท ธุรกิจการโรงแรม เสียภาษีอะไร
-
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) หากบริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดา กฎหมายของแต่ละประเทศอาจกำหนดให้ผู้ถือหุ้นเสียภาษีเงินได้ตามรายได้ที่ได้รับจากบริษัท
-
ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) บริษัทจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามรายได้ที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจ อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจะแตกต่างกันตามกฎหมายของแต่ละประเทศ
-
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax, VAT) หากประเทศมีระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามรายการสินค้าและบริการที่ขาย
-
ภาษีอากรโรงแรม (Hotel Tax / Room Tax) มีบางประเทศหรือพื้นที่ที่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากผู้เข้าพักในโรงแรม เป็นเงินค่าใช้จ่ายในการพัฒนาท่องเที่ยวและส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่
-
ภาษีท้องถิ่น (Local Taxes) ภาษีท้องถิ่นอาจมีการเสียตามกฎหมายและข้อบังคับของท้องถิ่น เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
-
ค่าธรรมเนียมท่องเที่ยว บางประเทศอาจกำหนดให้โรงแรมเสียค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวจากผู้เข้าพักเพื่อสนับสนุนกิจกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่
อ่านบทความทั้งหมด >>> จดทะเบียนบริษัท.com