จดทะเบียนบริษัท.COM » การโรงแรม เปิดการค้า จัดตั้ง ที่ไหน ทำเล?

Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]

ธุรกิจการโรงแรม มีรายได้จากอะไรบ้าง

  1. การเช่าห้องพัก (Room Rental) รายได้หลักของโรงแรมมาจากการให้บริการเช่าห้องพักให้แก่ผู้เข้าพัก ราคาห้องพักจะแตกต่างกันตามประเภทของห้อง ขนาด สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ตั้งของโรงแรม

  2. ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) ร้านอาหารในโรงแรมเป็นแหล่งรายได้สำคัญ เมื่อผู้เข้าพักบริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหารภายในโรงแรม

  3. การประชุมและจัดงาน (Meetings and Events) รายได้มาจากการให้บริการการประชุม สัมมนา งานเลี้ยง และกิจกรรมอื่น ๆ ในพื้นที่จัดงานภายในโรงแรม

  4. บริการสปาและสุขภาพ (Spa and Wellness Services) บางโรงแรมมีสปาและสิ่งอำนวยความสบายเสริม เช่น บริการสปา, อ่างจากุชชี่, สระว่ายน้ำ ซึ่งสามารถเพิ่มรายได้ได้

  5. บริการท่องเที่ยวและกิจกรรม (Tourism and Activities) บางโรงแรมมีการจัดระเบียบท่องเที่ยวและกิจกรรมให้แก่ผู้เข้าพัก เช่น การออกทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

  6. บริการโรงภาพยนตร์ (Cinema Services) บางโรงแรมมีโรงภาพยนตร์ให้บริการแก่ผู้เข้าพัก

  7. บริการเดินทางและรถรับส่ง (Transportation and Shuttle Services) บางโรงแรมมีบริการรถรับส่งผู้เข้าพักไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหรือสนามบิน

  8. บริการธุรกิจ (Business Services) บางโรงแรมมีบริการธุรกิจเช่น ห้องประชุม อินเทอร์เน็ตไร้สาย และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักธุรกิจ

  9. บริการซักรีดและทำความสะอาด (Laundry and Cleaning Services) บางโรงแรมมีบริการซักรีดและทำความสะอาดสำหรับผู้เข้าพัก

  10. รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ (Rentals and Leasing) บางโรงแรมอาจมีการเช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าหรือบริการอื่น ๆ เช่น ร้านขายของที่ระลึก

วิเคราะห์ Swot Analysis ธุรกิจการโรงแรม

  1. จุดแข็ง Strengths

    • พื้นที่และทำเลที่ดี โรงแรมที่อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์การเข้าพักของลูกค้า มีโอกาสสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้น
    • สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน บริการที่มีคุณภาพเช่น สระว่ายน้ำ, สปา, ร้านอาหาร และห้องประชุมทำให้โรงแรมเป็นที่เลือกของลูกค้าที่ต้องการการพักผ่อนและการทำงาน
    • ความเชื่อถือและชื่อเสียง โรงแรมที่มีความเชื่อถือและชื่อเสียงที่ดีจะมีการกลับมาใช้บริการอีกครั้ง และแนะนำให้เพื่อนและคนรู้จัก
    • ทีมงานคุณภาพ บุคลากรที่มีความสามารถและมีความรู้ในการให้บริการแก่ลูกค้า เช่น พนักงานต้อนรับ, พนักงานบริการอาหาร และบุคลากรทำความสะอาด
  2. จุดอ่อน Weaknesses

    • ความขาดแคลนในการบริการ บางครั้งอาจมีปัญหาในการจัดการและให้บริการให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
    • ความเสียหายจากค่าบำรุงรักษา ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมอาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
    • การจัดการที่ไม่ดี การบริหารจัดการที่ไม่มีการวางแผนที่เหมาะสมอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
  3. โอกาส Opportunities

    • การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสถานที่ในพื้นที่สามารถเพิ่มอัตราการเข้าพักในโรงแรม
    • พัฒนาบริการเพิ่มเติม การเพิ่มบริการเช่น สปา, ห้องออกกำลังกาย, หรือโรงภาพยนตร์ส่วนตัวเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้า
    • การให้บริการกลุ่มเป้าหมาย การเน้นให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เช่น กลุ่มประชาคมธุรกิจ หรือครอบครัว
  4. อุปสรรค Threats

    • คู่แข่งและการแข่งขัน คู่แข่งอื่น ๆ ที่มีคุณลักษณะที่คล้ายคลึงหรือการขายราคาที่ดีกว่าอาจทำให้ลูกค้าเลือกไปใช้บริการที่ทางอื่น
    • ความเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ หรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอาจส่งผลให้ลูกค้าลดการเดินทาง
    • ปัญหาทางกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมอาจมีผลต่อการดำเนินกิจการ

อาชีพ ธุรกิจการโรงแรม ใช้เงินลงทุนอะไร

  1. ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง การซื้อหรือเช่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างสำหรับโรงแรม ที่ตั้งและขนาดของโรงแรมจะมีผลต่อค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

  2. ต้นทุนก่อสร้างและตกแต่ง ต้นทุนสำหรับการสร้างโรงแรมและตกแต่งภายใน เช่น ห้องพัก, ห้องอาหาร, สระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, โลบบี้ ฯลฯ

  3. อุปกรณ์และเครื่องมือ อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ เช่น เตียงนอน, เครื่องทำกาแฟ, แอร์, โทรทัศน์, อินเทอร์เน็ต ฯลฯ

  4. การตลาดและโฆษณา ค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณา, การตลาด, การสร้างแบรนด์และเว็บไซต์ เพื่อให้คนรู้จักและมาใช้บริการในโรงแรมของคุณ

  5. การจัดกิจกรรมและบริการ ต้นทุนสำหรับการให้บริการเสริม เช่น สปา, การจัดงานที่ต้องใช้พื้นที่ในโรงแรม, หรือการเปิดร้านอาหาร

  6. ค่าใช้จ่ายในการจัดการ ค่าใช้จ่ายในการจ้างงานบุคลากร, ค่าใช้จ่ายในการดูแลทั้งระบบการทำงานและการบริการ, ค่าใช้จ่ายในการจัดการสำหรับแผนการเติบโต

  7. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ค่าใช้จ่ายประจำวันสำหรับพนักงาน, ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า, ค่าแจ้งเตือนและเครื่องทำความเย็น, และค่าส่วนกลาง

  8. ค่าสำหรับบริการอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสะอาด, ค่าหมองานก่อสร้าง, ค่าบริการโรงแรมจากบริษัทนอกราชอาณาจักร เช่น การจัดการระบบการจองห้องพักออนไลน์

อาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจการโรงแรม

  1. ผู้บริหารโรงแรม ผู้บริหารโรงแรมคือคนที่อยู่เบื้องหลังการดำเนินธุรกิจโรงแรม พวกเขามีหน้าที่ในการกำหนดกลยุทธ์, การวางแผน, การบริหารจัดการ, การตลาด, และการดูแลธุรกิจทั้งหมด

  2. ผู้จัดการที่พัก ผู้จัดการที่พัก (Front Office Manager) มีหน้าที่รับรู้และบริการลูกค้าที่มาเข้าพัก จัดการการเช็คอิน-เช็คเอาท์, จัดการการจองห้องพัก, และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม

  3. พนักงานบริการอาหาร พนักงานในร้านอาหารของโรงแรมมีหน้าที่ในการบริการลูกค้าในร้านอาหาร อาทิ พนักงานเสิร์ฟอาหาร, พนักงานผู้ช่วย, และพนักงานบาร์

  4. บริกรห้อง บริกรห้อง (Housekeeping Staff) มีหน้าที่ในการทำความสะอาดและรักษาความเรียบร้อยของห้องพักและส่วนกลางของโรงแรม

  5. พนักงานสปาและสุขภาพ โรงแรมที่มีบริการสปาและสุขภาพจะมีพนักงานที่คอยให้บริการดูแลผู้เข้าพักในด้านสุขภาพและความผ่อนคลาย

  6. ผู้จัดการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ผู้จัดการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage Manager) มีหน้าที่ในการจัดการและดูแลการดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายในโรงแรม

  7. พนักงานที่ปรึกษาด้านการตลาดและการโฆษณา พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในการตลาดและโฆษณาจะช่วยในการกำหนดกลยุทธ์การตลาดและการโปรโมตโรงแรม

  8. ช่างไฟฟ้าและช่างประปา ช่างที่มีความรู้ด้านไฟฟ้าและประปามีบทบาทในการดูแลและซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าและประปาภายในโรงแรม

  9. บุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีหน้าที่ในการดูแลและรับผิดชอบในระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายในโรงแรม

คําศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจการโรงแรม ที่ควรรู้

  1. Check-in (เช็คอิน) กระบวนการลงทะเบียนลูกค้าที่มาเข้าพักในโรงแรม โดยทำการบันทึกข้อมูลและให้ห้องพักให้ลูกค้า

  2. Check-out (เช็คเอาท์) กระบวนการลูกค้าออกจากโรงแรมหลังจากการเข้าพัก รวมถึงการตรวจสอบค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ถ้ามี) และการชำระเงิน

  3. Room Service (รูมเซอร์วิส) บริการให้อาหารและเครื่องดื่มถึงห้องพักของลูกค้า

  4. Housekeeping (เฮาส์คีปิ้ง) ฝ่ายที่รับผิดชอบในการทำความสะอาดและบำรุงรักษาความเรียบร้อยของห้องพักและส่วนกลางในโรงแรม

  5. Concierge (คอนเซียร์จ) บริการให้คำแนะนำและจัดการแผนการท่องเที่ยวสำหรับลูกค้า รวมถึงการจองที่นั่งในร้านอาหารและกิจกรรมต่าง ๆ

  6. Front Desk (เฟรนท์เดสก์) จุดที่ลูกค้ามาติดต่อรับบริการ เช่น การเช็คอินและเช็คเอาท์ และสอบถามข้อมูล

  7. Reservation (รีเซอร์เวชั่น) การจองห้องพักล่วงหน้าโดยลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีห้องพักที่พร้อมให้บริการ

  8. Suite (สวีท) ห้องพักที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องพักปกติ และมักมีพื้นที่ในการพักแยกกันเป็นส่วน

  9. Amenities (เอเมนิตี้ส์) สิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้ในโรงแรม เช่น ผ้าเช็ดตัว, สบู่, แปรงสีฟัน เป็นต้น

  10. Room Rate (รูมเรท) ค่าบริการในการเช่าห้องพักในโรงแรม ซึ่งอาจแตกต่างกันตามประเภทห้อง สถานที่, และเวลา

จดบริษัท ธุรกิจการโรงแรม ทำอย่างไร

  1. เลือกประเภทของบริษัท คุณต้องเลือกประเภทของบริษัทที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจการโรงแรมของคุณ เช่น บริษัทจำกัด, บริษัทมหาชน, หรือบริษัทจำกัดที่มีผู้ถือหุ้นน้อย

  2. เลือกชื่อบริษัท คุณต้องเลือกชื่อบริษัทที่ยังไม่ถูกใช้และเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

  3. จัดเตรียมเอกสาร คุณจะต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ รวมถึงเอกสารสำหรับผู้ถือหุ้น, ผู้บริหาร, ที่อยู่ที่ตั้งสำนักงาน, แผนธุรกิจ, และข้อมูลอื่น ๆ

  4. จดทะเบียนบริษัท ส่งเอกสารให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและรับใบจดทะเบียนบริษัท พร้อมทั้งจ่ายค่าธรรมเนียม

  5. ขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หลังจากที่ได้รับใบจดทะเบียนบริษัทแล้ว คุณต้องไปขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจากสำนักงานสรรพากร

  6. ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หากธุรกิจการโรงแรมของคุณเป็นประเภทที่ต้องขอใบอนุญาตเช่น บริการโรงแรมหรือบริการอาหารและเครื่องดื่ม คุณต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการท่องเที่ยวและกีฬา หรือ สำนักงานประกันสุขภาพ

  7. จัดทำสถิติจดทะเบียน คุณจะต้องจัดทำสถิติจดทะเบียนของบริษัท และแจ้งสถิติให้กับเจ้าหน้าที่ทะเบียนการค้าและกิจการ

  8. เปิดบัญชีธนาคาร คุณควรเปิดบัญชีธนาคารสำหรับบริษัทเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน

บริษัท ธุรกิจการโรงแรม เสียภาษีอะไร

  1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) หากบริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดา กฎหมายของแต่ละประเทศอาจกำหนดให้ผู้ถือหุ้นเสียภาษีเงินได้ตามรายได้ที่ได้รับจากบริษัท

  2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) บริษัทจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามรายได้ที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจ อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจะแตกต่างกันตามกฎหมายของแต่ละประเทศ

  3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax, VAT) หากประเทศมีระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามรายการสินค้าและบริการที่ขาย

  4. ภาษีอากรโรงแรม (Hotel Tax / Room Tax) มีบางประเทศหรือพื้นที่ที่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากผู้เข้าพักในโรงแรม เป็นเงินค่าใช้จ่ายในการพัฒนาท่องเที่ยวและส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่

  5. ภาษีท้องถิ่น (Local Taxes) ภาษีท้องถิ่นอาจมีการเสียตามกฎหมายและข้อบังคับของท้องถิ่น เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

  6. ค่าธรรมเนียมท่องเที่ยว บางประเทศอาจกำหนดให้โรงแรมเสียค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวจากผู้เข้าพักเพื่อสนับสนุนกิจกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่

อ่านบทความทั้งหมด >>> จดทะเบียนบริษัท.com

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.